St. Isaac’s Cathedral ; อภิมหาวิหารเซนต์ ไอแซค
St. Isaac’s Cathedral ; อภิมหาวิหารเซนต์ ไอแซค

St. Isaac’s Cathedral อภิมหาวิหารเซนต์ ไอแซค

หน้าต่างของยุโรปเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) เมืองท่าปากแม่น้ำเนวา (Neva River) ริมอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบอลติก (Baltic Sea) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสหพันธรัฐ มีเนื้อที่ 606 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 44 เกาะ เชื่อมต่อด้วยแม่น้ำลำคลอง 86 สาย เป็นเมืองที่มีความสวยงาม เด่นด้านการออกแบบ และผังเมือง มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม และเป็นศูนย์กลางทางอำนาจเป็นดัง ราชินีแห่งยุโรปเหนือ เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างโดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชเมื่อ ค.ศ. 1703 สร้างโดยการถมทราย และหินลงในพื้นที่เดิมที่เป็นดินเลนของทะเลจนกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซียเป็นเวลา 206 ปี ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาว และการเปลี่ยนแปลงเป็น เปโตรกราด (Petrograd) และเลนินกราด (Leningrad)

St. Isaac’s Cathedral ; วิหารเซนต์ ไอแซค เป็นอภิมหาวิหารออร์โธดอกซ์ (รัสเซีย) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นวิหารคริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ ของโลก รองจากมหาวิหารเซนต์ ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) นครรัฐวาติกันในกรุงโรม, มหาวิหารเซนต์ ปอล (St. Paul’s Cathedral) ในกรุงลอนดอน และมหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิโอเร (Santa Maria del Flore’s Cathedral) ในเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี มหาวิหารเซนต์ ไอแซคตั้งชื่อตามนักบุญไอแซค ผู้เป็นองค์อุปถัมภ์ของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช และมีอายุยาวนานกว่าสามศตวรรษจากอดีตสู่ปัจจุบันสามารถแบ่งเป็น 3 ระยะด้วยกัน

ระยะที่หนึ่ง ; มหาวิหารเดิมที่สร้างด้วยไม้ตั้งอยู่ในกองบัญชาการกองทัพเรือ เคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรสของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช และพระนางแคทเธอรีนในปีค.ศ. 1712

ระยะที่สอง ; มหาวิหารเดิมดูคับแคบจึงสร้างใหม่ด้วยหิน โดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชทรงเสด็จวางศิลาฤกษ์เมื่อปีค.ศ. 1717 แต่หลังจากนั้นเพียง 10 ปีก็เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ขึ้น 

ระยะที่สาม ; อภิมหาวิหารปัจจุบันนี้พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ทรงรับสั่งให้ก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ออกแบบโดยสถาปนิกผู้อาภัพชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงแต่ในรัสเซียชื่อ โอกุสต์ เดอ มองต์แฟรองด์ (August de Montferrand) ที่จบจากหอศิลป์ของ ชาร์ล แปร์ซิเยร์ นักออกแบบคนโปรดของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1

อภิมหาวิหารเซนต์ ไอแซค ; โบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งเดียวที่ประดับตกแต่งด้วยกระจกสี ใช้เวลาก่อสร้างรวม 40 ปี (ค.ศ. 1818-1858) ด้วยสถาปัตยกรรมผสมแบบเรเนสซองส์และบาโรก ตัววิหารสีขาวบริสุทธิ์ ประดับด้วยรูปหล่อสำริด และภาพสลักนูนต่ำ ประตูที่ทำจากไม้โอ๊ก และทำการติดรูปสลักซึ่งทำมาจากทองแดง โดมทองเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 25.8 เมตร ถูกปิดด้วยทองคำแผ่นหนักรวม 100 กิโลกรัม เสาหลักเป็นหินแกรนิต 48 ต้น น้ำหนักต้นละ 114 ตัน ประดับด้วยเสาหินมาลาไคล์ รูปแกะสลักหินอ่อน และแร่หินต่างๆ ปฏิมากรรมบอร์น และภาพวาดกว่า 400 ชิ้น ส่วนสำคัญอีกอย่างคือ การประดับด้วยภาพไอคอนโมเสก (Icon) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นรูป เซนต์ นิโคลาส และเซนต์ ปีเตอร์ 

Copyright © 2019 niramitholiday.com | All Rights Reserved. | Powered by applezeed.com
go to top